“Entrepreneur” “Businessman” “นักธุรกิจ” เป็นคำในฝันที่หลายๆ คนอยากจะเป็น นั่นคือการได้เป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย มีความมั่งคั่ง มีเงินมากพอที่จะทำให้ตนเองและคนรักสุขสบาย

- ถามตัวเองก่อนว่ามี “ความใคร่” (Passion) ในเรื่องอะไร
การลงมือทำธุรกิจ ไม่ใช่ว่านึกอยากจะทำก็ทำ หรือเห็นคนอื่นทำแล้วรวยก็เลยอยากทำตามบ้าง อย่าคิดว่าการทำธุรกิจนั้นจะสบายนะครับ ที่คุณเห็นคนอื่นสบาย ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่พวกเขาลงมือทำด้วยความยากลำบากจนสำเร็จแล้ว ตอนที่พวกเขาเหน็ดเหนื่อย พวกคุณอาจจะไม่ได้เห็นในส่วนนี้ว่าพวกเขาต้องทำอะไรบ้าง ทำให้บางทีคุณคิดไปเองว่าการทำธุรกิจนั้นเป็นของง่าย จงถามตัวเองให้ชัดว่ามี “ความไคร่” ในเรื่องการอยากเป็นเจ้าของกิจการ อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ อยากเป็นเถ้าแก่มากแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องความรู้สึกที่วัดไม่ได้ แต่ถ้าคุณเอาเงินเป็นตัวตั้ง เช่น ทั้งชีวิตนี้คุณจะเป็นเถ้าแก่ร้อยล้านให้ได้ อย่างนี้ถือว่าดี เพราะวัดผลได้ด้วยตัวเงิน ถ้าไม่ได้อยากเป็นเจ้าของธุรกิจจากใจจริงก็อย่าเสียเวลาทำนะครับ คุณจะสู้คนมีแพชชั่นเยอะๆ ไม่ได้ ในระยะยาว คุณแพ้แน่ๆ ถ้าใจไม่ถึงจริง
- ลงมือเขียนเกี่ยวกับตัวเองว่ามีความถนัดด้านอะไรบ้าง
การเริ่มต้นทำธุรกิจ สามารถลงมือทำได้ง่ายขึ้นด้วยการลงมือสำรวจตัวเองว่ามีความถนัด ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านใดเป็นพิเศษบ้าง สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณ “ได้เปรียบ” ในการแข่งขันทางธุรกิจอีกด้วย เช่น คุณเรียนจบทางด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มีความสามารถในการเขียนโปรแกรมที่ช่วยงานได้หลากหลาย คุณสามารถใช้ความรู้ความสามารถในเรื่องนี้เพื่อเริ่มต้นทำธุรกิจของคุณเองได้ทันทีด้วยการเขียนโปรแกรมขาย พร้อมกับฝึกทักษะการขายไปในตัว เป็นต้น หรือบางคนมีความสามารถด้านภาษาอังกฤษ สามารถทำงานแปลภาษาเป็นธุรกิจของตัวเองได้ บางคนชอบทำขนม ถนัดการทำอาหาร ทำกาแฟ ตัดผม ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณเริ่มต้นธุรกิจด้วยความเชี่ยวชาญได้ง่ายขึ้น
- ตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจแบบ “B2B” หรือ “B2C”
B2B (Business-to-Business) เป็นธุรกิจที่กลุ่มลูกค้าคือตัวบริษัท องค์กร เป็นหลัก ซึ่งมุ่งเน้นการขายสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์อีกธุรกิจหนึ่ง ทำให้อีกธุรกิจได้ประโยชน์ที่ดีขึ้น เช่น ได้กำไรเพิ่มขึ้น ต้นทุนลดลง ประหยัดเวลาทำงานมากขึ้น เป็นต้น ตัวอย่างธุรกิจ B2B เช่น ธุรกิจเอเจนซี่โฆษณา ธุรกิจติดแอร์บริษัท ธุรกิจระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ธุรกิจขายเครื่องจักรเข้าโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งธุรกิจกลุ่มนี้มีข้อดีคือไม่ต้องทำการตลาด ลงทุนด้านโฆษณาอะไรมากมาย สินค้าที่ขายเน้นการตอบโจทย์ผู้ซื้อ สินค้าบางอย่างมีมูลค่ามหาศาลซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถซื้อได้และไม่จำเป็น แต่ข้อเสียคือต้องเน้น “นักขาย” เป็นหลัก มีกระบวนการซื้อที่ใช้ระยะเวลา ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับมูลค่าของสินค้า บางทีลูกค้าขอผ่อนผันการชำระเงินขั้นต่ำ 1 เดือน ทำให้คุณอาจจะขาดกระแสเงินสดได้ อีกทั้งยังมีจำนวนลูกค้าที่มีอยู่จำกัด ขึ้นอยู่กับขนาดของตลาดว่าสินค้าคุณขายได้มากแค่ไหน
B2C (Business-to-Customer) เป็นธุรกิจที่กลุ่มลูกค้าคือคนทั่วไป เน้นการขายแบบแมส (Mass Market) ซึ่งสินค้าและบริการจะขายให้กับรายบุคคล พูดง่ายๆ ก็คือกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซื้อกินซื้อใช้ อาหาร เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจขายรถ ขายบ้าน ขายที่ดิน ฯลฯ กลุ่มนี้ถือว่าเป็น B2C ทั้งหมด ต้องพึ่งพา “การตลาด” โดยเฉพาะการโฆษณาอย่างมหาศาลเพื่อให้คนเป็นที่รู้จักและสนใจ การตลาดจะเป็นเรื่องที่จำเป็นที่สุดเหนือการขายในหลายๆ กรณี ข้อดีคือถ้าคุณทำตลาดได้ดี สินค้ามีราคาน่าสนใจ คุณมีสิทธิ์รวยมากเพราะลูกค้าที่มาซื้อนั้นมีจำนวนมาก แต่คุณจะต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่มากมายเช่นกัน คุณต้องเชี่ยวชาญกลยุทธทางการตลาด การตั้งราคา ลด แลก แจก แถม ต่างๆ เพื่อให้คุณนำหน้าเหนือคู่แข่งให้ได้

- ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าจะทำธุรกิจไปเพื่ออะไร
ถ้าตอบให้ชัดว่าทำเพราะอยากรวยร้อยล้าน พันล้าน อย่างนี้ถือว่าดี ชัดเจนดี แต่ถ้าเป้าหมายคืออยากสบาย เห็นคนอื่นรวยก็อยากรวยบ้าง อย่างนี้อาจจะไม่ชัดเจนนัก เป้าหมายในการทำธุรกิจต้องมีตัวเลข โดยเฉพาะยอดขายหรือขนาดของธุรกิจให้ชัดเจน คุณมีสิทธิ์ฝันว่าเป็นเศรษฐีร้อยล้าน พันล้านได้ สิ่งเหล่านี้คือเป้าหมายที่คุณต้องลงมือทำ ต่อให้ยังไปไม่ถึง แต่ผมเชื่อว่าคุณจะได้อะไรจากการลงมือทำธุรกิจไปได้มากเลยทีเดียวค่ะ
- เขียนแผนธุรกิจโดยเน้นถึงยอดขาย กำไร จำนวนลูกค้า ต้นทุนการผลิต ต้นทุนการตลาด เป็นหลัก
เมื่อคุณมีความตั้งใจแน่วแน่ มีเป้าหมาย เลือกประเภทของธุรกิจ ค้นหาสินค้าและบริการที่ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจได้แล้ว สิ่งที่ควรทำทันทีคือการเขียนแผนธุรกิจอย่างง่ายขึ้นมา วิธีการก็ง่ายๆ ดังนี้
ธุรกิจที่ต้องการทำ: ธุรกิจติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในอาคาร
รูปแบบธุรกิจ: B2B บริษัทจำกัด เน้นการขายและติดตั้งกล้องให้กับบริษัทหรือหน่วยงานที่มีอาคารสำนักงาน
เหตุผล: มีความรู้ มีข้อมูล มีแหล่งกล้องที่ดี เชื่อถือได้ คิดว่างานติดกล้องภายในอาคารมีความจำเป็น
เป้าหมาย: ต้องการทำเป็นรูปแบบบริษัทที่มียอดขายประมาณ 20 ล้าน ในช่วง 3 ปีแรก
กำไร: ต้องการได้กำไรไม่ต่ำกว่า 30% จากยอดขาย (20ล้าน/30% = 6 ล้านบาท)
จำนวนลูกค้า: เน้นกลุ่มองค์กรที่มีอาคารสำนักงานและซีเรียสเรื่องความปลอดภัย แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ เช่น
- ธุรกิจ Community Mall: กรุงเทพมี 20 กว่าแห่ง
- ธุรกิจร้านอาหารและห้องอาหาร: กรุงเทพมีมากกว่า 500 แห่ง
- ธุรกิจสถานบันเทิงยามค่ำคืน: มีเป็นร้อยกว่าแห่ง
- ธุรกิจสถานศึกษา: มีเป็นร้อย
- ธุรกิจโรงพยาบาล: มีเป็นสิบ
- จากเรื่องจำนวนลูกค้าจะทำให้คุณมีลีด (Lead) ที่เป็นไปได้และทำให้คุณประเมินจำนวนลูกค้าผู้มุ่งหวัง (Prospect) ได้คร่าวๆ จำนวนลูกค้าจะเป็นเม็ดเงินเข้าสู่กระเป๋าคุณได้อย่างแน่นอน
ต้นทุนการผลิต: ค่ากล้องวงจรปิด ค่าติดตั้ง ค่าอะไหล่ ค่าแรง ค่ารถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าออฟฟิศ ค่าจ้าง ฯลฯ
ต้นทุนการตลาด:ค่าโฆษณาลงกูเกิ้ล ค่าทำโบรชัวร์ ค่าเอนเตอร์เทน ฯลฯ
สมมติว่าต้องการยอดขาย 20 ล้านบาท
- ขายกล้องวงจรปิด 1 งาน มีการติดกล้อง 10 ตัว มูลค่าประมาณ 20,000 บาท พร้อมค่าแรง
- คุณต้องหาลูกค้า = 20,000,000/20,000 = 1,000 ราย
- ใน 1 ปี ถ้าคุณทำนัดได้วันละ 5 นัด ใน 1 เดือน ทำงานวันละ 20 วัน หัก เสาร์ อาทิตย์ คุณจะทำนัดได้ 1,200 นัด ต่อปี ถ้าทุกเจ้าที่เข้าไปขายซื้อคุณหมด คุณจะบรรลุ 20 ล้าน ภายใน 1 ปี แต่มันคงเป็นไปไม่ได้
- สมมติว่าค่าเฉลี่ยความสำเร็จที่ปิดการขายได้เท่ากับ 30% นั่นคือ เข้า 10 ราย ขายได้ 3 ราย ใน 1 ปี คุณเข้าพบลูกค้า 1,000 ราย คุณจะขายได้ 300 ราย ซึ่งยอดยังไม่ถึง 20 ล้าน
- คุณจะต้องหาลูกค้ามากถึง 3,300 ราย ถึงจะได้ลูกค้าประมาณ 1,000 ราย เพราะค่าเฉลี่ยที่ปิดได้คือ 30%
- คุณคงเหนื่อยเกินไป มีสองทางเลือกคือ 1 เพิ่มคุณภาพการปิดการขายให้ดีขึ้น กับ 2 จ้างเซลล์เพิ่มขึ้น
เห็นภาพกันแล้วใช่มั้ยล่ะคะ ว่าทุกอย่างมันเป็นไปได้ถ้าคุณเขียนตัวเลขกำกับ จากตัวอย่างจะเป็นการเขียนแผนธุรกิจอย่างง่าย โดยทุกข้อมีตัวเลขกำกับและวัดผล สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมองเห็นความเป็นไปได้มากขึ้น
- ประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจให้รอบคอบ
ความเสี่ยงทางธุรกิจ เป็นสิ่งที่หลายๆ คนไม่ค่อยทำกัน คิดว่าง่าย มีเงินก็ทำได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะความเสี่ยงที่คุณไม่ระวังและประมาทอาจทำให้คุณเจ๊งทันที จงเขียนออกมาว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้คุณเสียเปรียบได้ ตัวอย่างเช่น
- คู่แข่ง
- สภาพอากาศ
- ธุรกิจของลูกค้า
- การเมือง
- สงคราม
- กฎหมาย
- หุ้นส่วนของคุณ
- คนในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ ลูก เมีย
- สุขภาพของคุณและทีมงาน
- ภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ ภัยพิบัติต่างๆ
- ฯลฯ
ความเสี่ยงบางอย่าง เช่น สภาพอากาศแบบน้ำท่วมนานๆ อาจทำให้ธุรกิจของคุณเจ๊งได้เลย จงคิดเสมอว่าถ้าเจอเหตุการณ์แย่ๆ เข้ามา คุณจะวางแผนรับมือมันได้อย่างไร เช่น ออมเงินสำรองทางธุรกิจ ทำธุรกิจเสริมหลายๆ ทาง ทำประกันวินาศภัย ใช้บริการที่ปรึกษาทางการเงินและธุรกิจ เป็นต้น
- ควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
จงอย่าหมดเงินไปกับเรื่องไร้สาระและไม่ทำให้คุณได้เงิน เช่น การใช้จ่ายสุุรุ่ยสุร่าย การทำโฆษณาผิดกลุ่ม การจ้างพนักงานเข้ามามากเกินไป การสร้างออฟฟิศสวยงามโดยที่ไม่สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการหาเงินเพิ่มได้ การลงทุนเกินตัว การบวกกำไรที่ไม่สัมพันธ์กับต้นทุนขาย เป็นต้น
หรือแม้แต่ต้นทุนด้านเวลา เช่น ใช้เวลามากเกินไป หมดเวลาไปกับเรื่องที่ไม่ก่อให้ได้เงิน เช่น งานเอกสาร งานภายใน งานหลังบ้าน เป็นต้น คุณมีเวลาทำงานวันละ 8 ชั่วโมง จงใช้มันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การโหมงานหนักมากไปก็ไม่ดี สุขภาพคุณอาจจะแย่ในภายหลังได้ หรือให้เวลากับธุรกิจน้อยไปก็ไม่ดี เพราะคุณจะตามไม่ทันคู่แข่ง ขาดกำลังสำคัญในการทำธุรกิจ เป็นต้น
- โฟกัสด้านการขายเป็นหลัก
การขายและยอดขายคือเส้นเลือดใหญ่ของธุรกิจคุณ ถ้ารักที่จะทำธุรกิจ แต่ไม่มีทักษะการขาย ไม่ชอบงานขาย คุณจะโตได้ยากมาก หรือเต็มที่ก็คือประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ไม่มีทางรวยระดับร้อยล้าน พันล้าน แน่นอน จงโฟกัสเรื่องนี้และเรียนรู้ ศึกษา พัฒนาตัวเอง ในเรื่องทักษะการขายอยู่ตลอดเวลา ทักษะนี้จะติดตัวคุณไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ต่อให้ไม่ชอบหรือไม่มีความรู้เรื่องสินค้าเลย คุณก็สามารถขายได้อยู่ดี

เมื่อรู้หลักการคิดกันแล้ว ก็วางแผนและลงมือทำกันได้เลยค่ะ สนับสนุนให้ทุกคนมีธุรกิจและเป็นนายตัวเองนะคะ
รับผลิต สกินแคร์ เครื่องสำอาง และอาหารเสริมจากประเทศเกาหลี
HiSeoul Cosmetics โรงงานผลิตสกินแคร์ เครื่องสำอาง และอาหารเสริมจากประเทศเกาหลี โดยเภสัชและนักวิจัยที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ผลิตด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย วัตถุดิบจากประเทศเกาหลีใต้ มีสูตรให้เลือกมากกว่า 100 สูตร ใครอยากผลิตสกินแคร์ อาหารเสริม เครื่องสำอางจากประเทศเกาหลี สร้างแบรนด์สกินแคร์ เครื่องสำอาง อาหารเสริมราคาไม่แพงให้เราดูแลสิคะ
ติดต่อเรา:
LINE : @hiseoulcosmetics
โทร : 062-806-3848
Email : [email protected]
Facebook : https://www.facebook.com/hiseoulcosmetics